ภาพอินโฟกราฟิก/ประชาสัมพันธ์

สุกรมีไข้สูง (>40°C) นอนสุม ซึม เบื่ออาหาร ไม่ลุกเดิน ผิวหนังแดง มีจุดเลือดออกหรือรอยช้ำ โดยเฉพาะใบหู ท้อง และขาหลัง ถ่ายเหลวมีเลือดปน แท้งทุกช่วงของการตั้งท้อง และตายเฉียบพลัน ภายใน 2-3 วัน หลังจากแสดงอาการทางคลินิก

1. ให้เก็บเลือดจากหัวใจสุกรป่วยหรือเพิ่งตายใหม่ๆ ปริมาณ 3-5 มิลลิลิตร ใส่ในหลอดที่มีสารกันเลือดแข็งตัว (EDTA) แช่เย็นขณะนำส่งตัวอย่าง
2. กรณีสุกรตาย ให้นำซากสุกรทั้งตัวใส่ถุงพลาสติก 2 ชั้น มัดปากถุงให้แน่น แช่เย็น/แช่แข็ง ขณะนำส่งตัวอย่าง แต่หากกรณีจำเป็นต้องผ่าซากสุกรที่ฟาร์ม แนะนำให้เก็บเฉพาะม้าม โดยการผ่าให้แผลเล็กที่สุด และทำในอ่างน้ำยาฆ่าเชื้อ ใส่อวัยวะในถุงพลาสติก 2 ชั้น มัดปากถุงให้แน่น ใส่ในกล่องโฟมปิดฝาให้แน่นด้วยเทปกาว แช่เย็น/แช่แข็งขณะนำส่งตัวอย่าง

3. กรณีเป็นเนื้อและผลิตภัณฑ์สุกร เช่น เนื้อแช่แข็ง เนื้อแช่เย็น ไส้หมักเกลือ ไส้กรอก ฯลฯ หรือวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น เนื้อป่นและกระดูกป่นให้เก็บตัวอย่างใส่ถุงพลาสติก 2 ชั้น มัดปากถุงให้แน่น แช่เย็น/แช่แข็งขณะนำส่งตัวอย่าง
   

1. การเก็บตัวอย่างต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ทำให้เชื้อเกิดการปนเปื้อนหรือแพร่กระจาย เนื่องจากเชื้อ ASF เป็นเชื้อไวรัสที่เป็น DNA ที่มีเปลือกหุ้ม ทนทานในสิ่งแวดล้อมได้ดีทั้งอุณหภูมิสูงและต่ำ อาจอยู่ได้นาน 3-6 เดือน ถ้าอยู่ในเลือดอยู่ได้นาน 18 เดือน เนื้อสุกรแช่แข็งนาน 1,000 วัน แฮม ซาลามี เนื้อหมักเกลือนาน 120-180 วัน

1. ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันตก ตรวจหาแอนติเจนโดยใช้วิธี Real-time PCR กรณีที่ ตรวจแล้วพบผลบวกต่อโรค ASF จะส่งตรวจยืนยันที่สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติก่อนรายงานผล

1. ติดต่อส่งตัวอย่างหรือสอบถามข้อมูลการส่งตัวอย่างได้ที่กลุ่มระบาดวิทยาและสารสนเทศ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันตก ที่ตั้ง 126 หมู่ 10 ตำบลเขาชะงุ้ม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี โทร 0-3291-9575-6 ต่อ 115 อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.